วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วันอาทิตย์ติวสอบกันสนุกสนาน

ติวสอบกันสนุกสนาน 

แบบว่าดุเสียงแหบล่ะ นักเรียนยังไม่กลัว

เช้าติว English บ่ายติวหลักภาษาไทย ประถม 4-5

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Learn some expressions to describe a company structure and employees' responsibilities.

Learn some expressions to describe a company structure and employees' responsibilities. 

ประเทศในประชาคมอาเซียน 10 ประเทศ Hello Asean

งานสอนวันนี้ใช้ภาพ + ระบายสี วิชาอาเซียน 

สอนเขียนชื่อประเทศ และ ระบายสีธง

ประเทศในประชาคมอาเซียน 10 ประเทศ Hello Asean

วันที่ทำงาน 12 กุมภาพันธุ์ 2557







งานสอนวันนี้ใช้ภาพ + ระบายสี วิชาอาเซียน 
สอนเขียนชื่อประเทศ และ ระบายสีธง
ประเทศในประชาคมอาเซียน 10 ประเทศ hello asean

งานแปลประถม 4 อ่านจับใจความ

งานแปลประถม 4 อ่านจับใจความ
It's Sunday morning. Jan, Joy and Joe are going to the floating market at Ratchaburi. There are many fruit sellers selling fruit on the boats.
Jan : Look at the watermelons. They are very big.
How much are they?
Fruit seller : They are ten baht a kilo.
Jan : Can I have one watermelon ,please?
Fruit seller : That’s two kilos. That’s twenty baht.
Joy : Can I have a durian, please?
Fruit seller : Which one do you want?
Joy : I want that big one. How much is it?
Fruit seller : It’s one hundred baht.
Joe : Do you have rambutans?
Fruit seller : Yes, they are fifteen baht a kilo.
Joe : Three kilos, please. Here’s the money.
Fruit seller : Do you want anything else?
Joe : That’s all. Thank you.
Jan : It’s time for lunch now.
Let’s have boat noodles.
Joe and Joy : All right. Yummy Yummy
It’s Sunday morning. Jan, Joy and Joe are going to the floating market at Ratchaburi. There are many fruit sellers selling fruit on the boats.

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ติววิทยาศาสตร์ประถม 1


สามหน่อ  ประถม 1 ออม อิฐ เปรม

ติววิทยาศาสตร์ เรื่อง พืช

เครียด…ฮาๆๆๆ ตอบผิดตอบถูก




วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557

• วิธีเด็ดช่วยจำศัพท์อังกฤษ

• วิธีเด็ดช่วยจำศัพท์อังกฤษ

31 มกราคม 2014 เวลา 13:05 น.
“คำศัพท์” ถือเป็นปัจจัยสำคัญสู่การส่งเสริมทักษะด้านการฟัง พูด อ่าน และเขียน "ภาษาอังกฤษ" ยิ่งวัยเรียนมีคลังคำศัพท์ในความจำมากเท่าไหร่ ยิ่งสามารถหยิบจับมาใช้ได้สะดวกเท่านั้น แต่อุปสรรคส่วนใหญ่ที่หลายคนมักประสบจนพาลขี้เกียจเรียนรู้ไปเลย นั่นคือ “นึกศัพท์ไม่ออก” หรือ “แปลศัพท์ไม่ได้” ซึ่งแท้จริงแล้วปัญหาดังกล่าวแก้ได้ไม่ยาก เพียงฝึกฝนสม่ำเสมอด้วยเทคนิคต่อไปนี้

เรียนคำศัพท์จาก “ชีวิตประจำวัน” อาจเริ่มในสิ่งที่สนใจก่อน เช่น ฟังเพลง ดูหนัง หรือเมื่อพบข้อความตามสื่อต่าง ๆ ควรหมั่นอ่านอยู่ตลอดแม้ไม่รู้เรื่องทุกถ้อยคำ นอกจากจะช่วยสร้างความคุ้นเคยกับศัพท์มากมายแล้ว ยังเป็นการทบทวนความหมายของคำที่พบบ่อย ๆ ด้วย

เรียนคำศัพท์จาก “พจนานุกรม” โดยพกขนาดกะทัดรัดติดตัวไว้เปิดหาความหมายเมื่อเกิดข้อสงสัย ทั้งนี้ ควรเลือกใช้แบบอังกฤษ-อังกฤษ เพื่อฝึกทักษะการแปล หากมีตัวอย่างการใช้ศัพท์ด้วยจะดีทีเดียว

เรียนคำศัพท์จาก “กระดาษโน้ต” ด้วยการจดศัพท์ พร้อมคำแปลอย่างน้อยวันละ 10 คำ แล้วแปะไว้ในที่ ๆ มองเห็นได้ง่าย เช่น กระจกโต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะหนังสือ ตู้เย็น ผนังห้องนอน ฯลฯ โดยเมื่อกระทบสายตาเมื่อไหร่ให้ท่องเมื่อนั้น เป็นอีกหนึ่งเทคนิคช่วยจำได้ดี ขณะเดียวกัน ยังช่วยฝึกทักษะการเขียนอีกด้วย

เรียนคำศัพท์จาก “การจัดหมวดหมู่” โดยจำศัพท์ที่มีความสัมพันธ์กัน หรือมีความหมายตรงข้ามกัน จากนั้น ลองนึกถึงคำภาษาไทย แล้วแปลเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนจะแต่งประโยค เพื่อฝึกการเรียบเรียงต่อไป

หลักการจำคำศัพท์ที่สำคัญอีกประการ คงต้องอยู่ที่ความขยัน และหมั่นทบทวน เพื่อประสิทธิภาพการเรียนรู้อย่างเห็นผลนั่นเอง.

ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
ขอบคุณที่มาจาก เดลินิวส์

• 8 ตัวอย่างภาษาอังกฤษแบบผิดๆ ที่ฮิตติดปากคนไทย

• 8 ตัวอย่างภาษาอังกฤษแบบผิดๆ ที่ฮิตติดปากคนไทย
+โพสต์เมื่อวันที่ : 1 ก.ย. 2556


ในปัจจุบันมีคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษที่คนไทยใช้กันจนติดปากอยู่มากมาย แต่คุณเคยรู้ไหมว่ามีบางคำที่ฝรั่งเค้าไม่ได้ใช้อย่างที่เราพูดกันติดปาก วันนี้จึงเสนอคำศัพท์สัก 8 ตัวอย่างที่คนไทยมักใช้อย่างผิดๆ จนติดเป็นนิสัยพร้อมทั้งคำที่ถูกต้องซึ่งคุณควรนำไปใช้เวลาคุยกับฝรั่ง พร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย

1.อินเทรนด์ (in trend) คำนี้อินเทรนด์มากๆ เอ๊ย...ฮิตมากๆ ในปัจจุบัน สามารถได้ยินตามรายการวิทยุหรือโทรทัศน์ทั่วไป เพราะใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง เช่น เด็กสมัยนี้ถ้าจะให้อินเทรนด์ต้องตามแฟชั่นเกาหลี ซึ่งบางทีเวลาคุณต้องการพูดว่า "มันทันสมัย" คุณอาจจะติดปากว่า "It is in trend." คำว่า "ทันสมัย" ฝรั่งเค้าไม่ใช้คำว่า "in trend" อย่างคนไทยเค้าจะใช้คำว่า "trendy" หรือ "fashionable" ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ที่คุณสามารถวางไว้หน้าคำนามที่ต้องการขยาย เช่น a trendy haircut ทรงผมที่ทันสมัย, a fashionable restaurant ร้านอาหารที่ทันสมัย หรือจะไว้หลัง verb to be เช่น It is trendy. หรือ It is fashionable. ก็ได้

2.เว่อร์(over) เช่น เธอคนนั้นทำอะไรเว่อร์ๆ She is over. ไม่มีความหมายแต่อย่างใดในภาษาอังกฤษ ฝรั่งที่ได้ยินคุณพูดเช่นนี้ คงมึนตึบ พร้อมทำสีหน้างงว่ามันหมายถึงอะไรเหรอ? พูดถึงคำนี้ คนไทยน่าจะหมายถึงการพูดเกินจริงหรือทำเกินจริง ซึ่งถ้าพูดเกินจริง ควรจะใช้คำศัพท์ที่ว่า "exaggerate" เป็นคำกิริยา อ่านว่า เอก-แซ้ก-เจ่อ-เรท ตัวอย่างเช่น

"He said you walked 30 miles." เค้าบอกว่าคุณเดินตั้ง 30 ไมล์
"No - he's exaggerating. It was only about 15." ไม่หรอก เค้าพูดเว่อร์ (เกินจริง) มันก็แค่ 15 ไมล์เอง

ดังนั้น ถ้าจะบอกว่า เธอพูดเว่อร์น่ะ ก็บอกว่า You're exaggerating. หรือจะบอกเค้าว่า อย่าพูดเว่อร์ๆ น่ะ อาจใช้ว่า Don't exaggerate. ส่วนอาการเว่อร์อีกแบบคือการทำเกินจริง เราจะใช้คำกิริยาที่ว่า "overact" เช่น You're overacting. เธอทำเว่อร์เกิน (แสดงอารมณ์เกินจริง)

3.ดูหนัง soundtrack เวลาคุณจะบอกใครว่า ฉันต้องการดูหนังฝรั่งที่พากย์ภาษาอังกฤษ อย่าพูดว่า "I want to watch a soundtrack film." แต่ควรจะใช้ว่า "I want to watch an English film." เพราะความหมายของคำว่า "soundtrack" คือ ดนตรีที่อยู่ในภาพยนตร์ ต่างหาก

ถ้าเราจะพูดถึงหนังฝรั่งที่พากย์เสียงภาษาไทย เราต้องบอกว่า "I want to watch an English film that is dubbed into Thai." เพราะคำกิริยาว่า "dub" คือพากย์เสียงจากต้นแบบในหนังหรือรายการโทรทัศน์ไปเป็นภาษาอื่น ส่วนหนังที่มีคำบรรยายใต้ภาพเราเรียกว่า "a subtitled film" ซึ่งคำบรรยายที่อยู่ใต้ภาพ เราเรียกว่า "subtitles" (ต้องมี s ต่อท้ายเสมอนะครับ) เช่น a French film with English subtitles หนังฝรั่งเศสที่มีคำบรรยายใต้ภาพเป็นภาษาอังกฤษ

หนังบางเรื่องจะมีคำบรรยายใต้ภาพเป็นภาษาเดียวกับที่นักแสดงพูด เรามีศัพท์เรียกเฉพาะว่า "closed-captioned films/คำหวงห้าม/television programs" หรือ อาจเขียนย่อๆ ว่า "CC" เช่น You should watch a closed-captioned film to improve your English. คุณควรจะดูหนังฝรั่งที่มีคำบรรยายภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณ

4.นักศึกษาปี 1 คนไทยมักเรียกว่า "freshy" ซึ่งฝรั่งไม่รู้เรื่องเพราะไม่มีการบัญญัติศัพท์คำนี้ในภาษาอังกฤษ เค้าจะใช้คำว่า "fresher" หรือ "freshman" เช่น He is a fresher. หรือ He is a freshman. หรือ He is a first-year student. เขาเป็นนักศึกษาปี 1 ส่วนปีอื่นๆ คนไทยเรียกถูกแล้วครับ คือ ปี 2 เราเรียก a sophomore, ปี 3 เรียกว่า a junior และ ปี 4 เรียกว่า a senior

5.อัดหรือบันทึก คนไทยมักพูดทับศัพท์ว่า เร็คคอร์ด (record) คำๆ นี้สามารถเป็นได้ทั้งคำนามและคำกิริยา เพียงแค่เปลี่ยนตำแหน่ง stress กล่าวคือ ถ้าจะใช้เป็นคำนามที่แปลว่า แผ่นเสียงหรือสถิติ ให้ขึ้นเสียงสูงที่พยางค์แรก คือ "เร็ค-คอร์ด" เช่น He wants to buy a record. เขาต้องการซื้อแผ่นเสียง, I broke my own record. ฉันทำลายสถิติของฉันเอง แต่ถ้าคุณจะหมายถึงคำกิริยาที่แปลว่า อัดหรือบันทึก ต้อง stress พยางค์หลัง ซึ่งจะอ่านว่า "รี-คอร์ด" เช่น I'll record the film and we can all watch it later. ฉันจะอัดหนัง เราจะได้เก็บไว้ดูทีหลังได้ ส่วนเครื่องบันทึก เราเรียกว่า "recorder" อ่านว่า รี-คอร์-เดอร์

6.ต่างคนต่างจ่าย เรามักใช้ American share รับรองว่าฝรั่ง(ต่อให้เป็นชาวอเมริกันด้วยครับ) ได้ยินแล้ว งงแน่นอน ถ้าคุณจะหมายถึงต่างคนต่างจ่ายให้ใช้ว่า "Let's go Dutch." หรือ "Go Dutch (with somebody)." อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นธรรมเนียมของชาวดัตช์หรือเปล่า? ที่ต่างคนต่างจ่ายเลยมีสำนวนอย่างนี้ หรือคุณอาจจะบอกตรงๆ เลยว่า "You pay for yourself." คือเป็นอันรู้กันว่าต่างคนต่างจ่าย แต่ถ้าคุณต้องการเป็นเจ้ามือ(ไม่ใช่เล่นไพ่นะคะ)เลี้ยงมื้อนี้เอง คุณควรพูดว่า "It's my treat this time." หรือ "My treat." หรือ "It's on me." หรือ "All is on me." หรือ "I'll pay for you this time." ทั้งหมดแปลว่า มื้อนี้ฉันจ่ายเอง ส่วนถ้าจะบอกเพื่อนว่า คราวหน้าแกค่อยเลี้ยงฉันคืน ให้บอกว่า "It's your treat next time."

7.ขอฉันแจม (jam) ด้วยคน ในกรณีนี้คำว่า "แจม" น่าจะหมายถึง "ร่วมด้วย" เช่น We are going to eat outside. Do you want to jam? เรากำลังจะออกไปกินข้าวข้างนอก เธอจะไปด้วยมั้ย? ในภาษาอังกฤษไม่ใช้คำว่า jam ในกรณีแบบนี้ ซึ่งควรจะใช้ว่า "Do you want to join us?", "Do you want to come with us?" หรือ "Do you want to come along?" จะดีกว่า

8.เขามีแบ็ค (back) ดี "He has a good back." ฝรั่งคงงงว่ามันเกี่ยวอะไรกับข้างหลังของเค้า เพราะ back แปลว่า หลัง (อวัยวะ) แต่คุณกำลังจะพูดถึงมีคนคอยสนับสนุน ซึ่งต้องใช้ "a backup" ซึ่งหมายถึง คนหรือสิ่งของที่ช่วยสนับสนุน ช่วยเหลือ เกื้อกูล เป็นกำลังใจให้

นี่เป็นเพียงแค่ 8 คำเบื้องต้นที่นำมาฝากเพื่อนๆ ซึ่งในชีวิตประจำวันยังมีคำอีกมากมายที่ยังถูกใช้แบบผิดๆ โอกาสหน้า แอดมิน จะนำมาฝากกันใหม่


ขอบคุณที่มาจาก เฟซบุ๊คhttps://www.facebook.com/thaiuk.rattanasuree

• แนะนำ 5 เทคนิคดีๆ ในการฝึก 'อ่านภาษาอังกฤษ' ให้เก่งขั้นเทพ…!!

• แนะนำ 5 เทคนิคดีๆ ในการฝึก 'อ่านภาษาอังกฤษ' ให้เก่งขั้นเทพ…!! 

หลายคนอยากจะฝึกฝนภาษาอังกฤษโดยเริ่มจากการอ่าน เลยเริ่มไปซื้อหนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษมาอ่าน แต่ก็เจอปัญหาว่าอ่านอย่างไรก็ไม่เข้าใจสักที และทำให้ท้อถอย หมดกำลังใจ จนล้มเลิกไปเลยก็มี 

วันนี้เราเลยอยากจะแนะนำเทคนิคดีๆในการฝึกอ่านภาษาอังกฤษ ให้สามารถอ่านเข้าใจ อ่านรู้เรื่อง จนกระทั่งอ่านหนังสือเรียนภาษาอังกฤษกันได้เลยล่ะ 


1 เริ่มจากหนังสือง่ายๆ 

สำหรับคนที่หัดใหม่ แม้แต่หนังสือเรียนของเด็ก นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ก็อาจจะยากจนเกินไป เพราะฉะนั้นไม่ต้องอายเลยที่จะไปซื้อนิทานภาษาอังกฤษของเด็ก 3 ขวบมาอ่าน ลองนึกถึงตอนเราฝึกภาษาไทยใหม่ๆตอนเด็ก เราก็อ่านนิทานของเด็ก 3 ขวบมาแล้ว ซึ่งจะทำให้เข้าใจและจับรูปแบบประโยคง่ายขึ้น 


2 อ่านมากกว่าคนอื่น 
ยิ่งทำอะไรมาก เราก็จะยิ่งเชี่ยวชาญมาก และถ้าคนอื่นอ่านแค่รอบเดียวรู้เรื่อง เราก็อาจจะต้องอ่านตั้งแต่ 2 รอบ 3 รอบ หรือกระทั่ง 4 รอบให้เข้าใจทั้งหมด แต่ก็อย่าเพิ่งท้อถอย แนะนำว่าให้พกหนังสือติดตัวตลอดเวลา และหาโอกาสอ่านบ่อยๆ อ่านในทุกๆที่ เพราะคนเราเวลาว่างที่อยู่เฉยๆวันนึงมีเยอะพอสมควร 



3 ใช้เทคนิคอ่านแบบ Skimming 

คือการอ่านรอบแรกแบบผ่านๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมว่าพูดถึงอะไร และเนื้อเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นอย่างไร จากนั้นรอบที่ 2 ก็เริ่มจับใจความสำคัญ จดโน้ต เน้นศัพท์ที่ไม่เข้าใจ หาคำศัพท์ที่มีความหมายหลัก จะช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้น 



4 อย่าใช้ดิคชันนารีบ่อยๆ 

แม้การเปิดดิคชันนารี จะช่วยให้เราเข้าใจความหมายของแต่ละคำ แต่การอ่านไปเปิดไปเกือบทุกคำ มันจะทำให้เราไม่รู้จักการอ่านจับใจความโดยข้ามศัพท์ที่ไม่รู้เรื่องไป เชื่อรึปล่าวว่าฝรั่งหลายคนก็ไม่เข้าใจทุกคำศัพท์ แต่ก็อ่านข้ามโดยอาศัยคำอื่นๆมาช่วยแปลความหมาย และค่อยมาเปิดหาความหมายคำที่ไม่รู้จริงๆในตอนท้าย 



5 สู้ให้สุด และห้ามท้อ 

เรื่องนี้สำคัญที่สุด หลายคนอาจจะท้อเพียงเพราะเจอคนรอบข้างบอกว่า อ่านหนังสือภาษาอังกฤษทำไม อ่านไปก็ไม่เก่งขึ้น หรือเห็นบางคนมาหัดอ่านทีหลัง แล้วไปได้เร็วกว่า เลยเกิดอาการน้อยใจ ขอให้ตั้งเป้าหมายไปที่ตัวเราคนเดียว ดูว่าเราพัฒนาขึ้นจากเมื่ออาทิตย์ก่อน เดือนก่อนหรือไม่ ตั้งเป้าระยะยาวไว้เป็นปีๆ แล้วพยายามทำตามเป้าช้าๆโดยตั้งใจ 



เทคนิคทั้ง 5 ข้อนี้อาจจะไม่ได้ผลรวดเร็วจนเปลี่ยนจากคนอ่านไม่ได้เป็นคนอ่านคล่องให้เวลาอันสั้น แต่เป็นแนวทางที่ช่วยเพื่อนๆทุกคนในการฝึกฝน และโดยเฉพาะข้อสุดท้ายที่สำคัญมากที่สุดเลยล่ะ ยังไงถ้าท้อใจขอบอกไว้เลยว่า WeGoInter.com เป็นกำลังใจให้ทุกคนเต็มที่ !! 



Ciredt http://www.wegointer.com/  

Child Child มองแบบเด็กๆๆ บ้าง

Child Child มองแบบเด็กๆๆ บ้าง ทะเลาะกัน โกรธแป๊ปเดียว เด่วกลับมาเล่นกันใหม่ คุยกัน หัวเราะ คริ คริ เหมือนเดิม "Children "
คุยด้วยหัวใจ ใส ใส ไม่ มี สิ่งใด เจือปน ไม่มีทิฐิ หรือ แอบถือมีดอยู่ข้างหลัง...นี่เเหล่ะ "Children " — รู้สึกมีความสุข

 " หากเราหัดมองโลก
ด้วยสายตาเด็กบ้าง
เรื่องบางเรื่องก็ง่ายเข้า
บางปัญหา...
เเค่ทำเป็นเด็ก
ไม่รู้จักคำว่า " ทิฐิ "
เรื่องก็จบแล้ว"

การใช้ Pronoun คำสรรพนามภาษาอังกฤษ มีกี่แบบ ใช้อย่างไร

การใช้ Pronoun คำสรรพนามภาษาอังกฤษ มีกี่แบบ ใช้อย่างไร ตารางสรุป ตัวอย่าง cr: tonamorn